ใครที่ใช้แอป truemoney อยู่ไม่รู้จักเพย์เน็กไม่ได้แล้ว
สำหรับใครที่ใช้จ่ายผ่านแอป truemoney walllet อยู่แล้วเป็นประจำก็คงจะสังเกตุเห็นบริการใหม่จากเพย์เน็กที่เปิดให้ใครก็ตามที่เป็นลูกค้ากับทรูมันนี่อยู่แล้ว สามารถสมัครสินเชื่อทรูมันนี่ได้แบบง่าย ๆ เลยบริการนั้นก็คือสินเชื่อเพย์เน็กซ์ถ้าถามว่าคืออะไรก็คือบริการใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนการจับจ่ายให้ง่ายขึ้นกว่าเดิมแม้ไม่มีเงินภายในแอปก็ตาม ถ้าให้คำอธิบายที่มากกว่าว่าเพย์เน็กซ์คืออะไรก็เปรียบเหมือนดั่งสินเชื่อทรูมันนี่ที่ให้วงเงินสำหรับทุกคนที่สมัครเพย์เน็กเอาไว้ จากที่เราต้องเติมเงินเข้าสู่แอปทรูมันนี่ก่อนถึงจะนำเงินภายในแอปไปจับจ่ายใช้สอยได้ แต่เมื่อมีเพย์เน็กเข้ามาเราไม่ต้องเติมเงินเข้าไปในแอป เพราะว่าจะมีวงเงินจากสินเชื่อทรูมันนี่ pay next ให้เรานำไปใช้ก่อนแล้วค่อยจ่ายคืนทีหลังได้เลย ที่สำคัญฟรีดอกเบี้ยอีกด้วย (หากเราชำระเงินเต็มตามจำนวนภายในวันที่ครบกำหนดชำระ)
คุณสมบัติในการสมัครใช้งานกับเพย์เน็กต้องทำอย่างไรบ้าง
ถ้าใครต้องการความสะดวกสบายใหม่ที่ทางเพย์เน็กมอบให้ ก็สามารถทำความรู้จักกับขั้นตอนในการสมัครใช้งานเพย์เน็กได้เลย ซึ่งมีเงื่อนไขในการสมัครไม่มากนักมาดูกันว่าเราจะสามารถสมัคร pay next ยังไงให้ผ่านเพียงแค่มีอายุระหว่าง 20-60 ปีเป็นลูกค้ากับทรูมันนี่วอลเล็ทหรือได้ใช้บริการจากทรูมาต่อเนื่องเกิน 3เดือนขึ้นไป มีประวัติในการชำระเงินตรงต่อเวลาอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็สามารถสมัครใช้งานได้แล้ว
ขั้นตอนใช้จ่ายกับเพย์เน็กอย่างไรไม่ให้หน้าแตก
บางคนยังไม่เคยใช้บริการจากเพย์เน็กก็อาจจะไม่มั่นใจว่าจะจ่ายเงินได้จริงหรือเปล่า แล้วเพย์เน็กซ์จ่ายอะไรได้บ้างก็ต้องบอกเลยว่าจ่ายได้ทุกอย่างเหมือนกับบริการของทรูมันนี่ ที่ร้านไหนก็ตามหรือห้างใดที่รับจ่ายด้วยทรูมันนี่ที่นั่นก็สามารถจ่ายด้วยเพย์เน็กได้เลย แล้วเพย์เน็กใช้ยังไงสำหรับวิธีใช้นั้นก็ค่อนข้างง่าย ลองนึกถึงตอนที่เราต้องการจ่ายเงินด้วยทรูมันนี่เมื่อไหร่ เราก็จะกดเข้าไปเลือกเมนูจ่ายเงินร้านค้าบนแอปทรูมันนี่ การจ่ายของเพย์เน็กก็เหมือนวิธีในการจ่ายเงินด้วยทรูมันนี่ แต่เพย์เน็กใช้ยังไงนั้นให้มองดูที่ขวาล่างให้เราเลือกคำว่าเปลี่ยนแล้วเลือกหัวข้อบริการของเพย์เน็กก่อนจ่ายเสมอ เพียงเท่านี้ก็สามารถจ่ายเงินในรูปแบบออนไลน์ได้แล้ว ถ้ารู้สึกติดใจในบริการคิดว่าสามารถใช้จ่ายเงินได้ง่ายกว่าเดิมอยากรู้วิธีเพย์เน็กซ์เพิ่มวงเงินทำอย่างไรอันดับแรกเราควรมีรายได้เพิ่มหรือข้อมูลในเอกสารที่แตกต่างจากตอนที่เรายื่นในครั้งแรก เช่นใช้บริการค่าโทรศัพท์ด้วยยอดค่าโทรใหม่ที่มากขึ้นหรือมีรายได้เสริมเพิ่ม แล้วให้เราลองยื่นเอกสารไปใหม่ซึ่งเกณฑ์การพิจารณาเพิ่มวงเงินนั้นก็ขึ้นอยู่กับการประเมินของบริษัทอีกทีว่าจะอนุมัติหรือไม่ก็ได้